เล่นมือถือทำงานหน้าจอคอมแล้ว ปวดตา ตาล้า​ เกิดจากสาเหตุอะไร?

ปวดตา

ในปัจจุบัน สังคมเราใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ Tablet หรือโทรศัพท์มือถือ เมื่อใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ หลายชั่วโมง หลาย ๆ คนอาจจะมีปัญหา ปวดตา ตาล้า ตาพร่ามัว แสบตา สู้แสงไม่ได้

และบางครั้งจะมีอาการปวดหัวร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถเกิดได้หลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุมีอะไรบ้าง หมอรวบรวมข้อมูลมาให้แล้วค่ะ

สาเหตุของอาการ ปวดตา แสบตา

อาการ ปวดตา ปวดหัว ตาล้า พร่ามัว แสบตา มีสาเหตุมาจากการใช้สายตาในการจ้องหรือจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในระยะใกล้เป็นเวลานาน ๆ เช่น เล่นโทรศัพท์มือถือ อ่านหนังสือ หรือนั่งทำงานคอมพิวเตอร์

ซึ่งดวงตาของเราจะมีการเคลื่อนที่เข้าหากันแล้วทำการปรับโฟกัสให้ชัดตามธรรมชาติ ซึ่งการเคลื่อนที่ของตาและการปรับโฟกัสนั้นจะใช้กล้ามเนื้อตา หากเรามองใกล้นาน ๆ โดยไม่มีการพักสายตา กล้ามเนื้อตาเหล่านั้นจะทำงานหนัก ส่งผลให้เกิดอาการตาล้า ปวดตา ปวดศีรษะได้

นอกจากนี้ คนเราเมื่อตั้งใจและจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยธรรมชาติมักมีการกระพริบตาลดลงกว่าปกติ ดวงตาก็จะขาดความชุ่มชื้น เกิดอาการตาแห้ง แสบตา รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในดวงตา

รวมถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ก็เป็นต้นเหตุที่ส่งผลทำให้ตาแห้งเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย เช่น แอร์ พัดลม หรือแม้กระทั่งความสว่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หากแสงจ้าจนเกินไป หรือมีแสงสะท้อนบนหน้าจอ ก็จะกระตุ้นให้ตาเราต้องทำการเพ่งเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการปวดตา ตาล้ามากกว่าปกติ

ปวดตา ในวัย 40 + เพราะมีอาการสายตายาวตามอายุ

นอกจากสาเหตุปัจจัยภายนอกแล้ว อีกสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดตามากที่สุดคือ การมีค่าสายตาในระยะใกล้และไม่ได้รับการแก้ไข

ในคนอายุ 40 ปีขึ้นไปทุกคนจะมีอาการ สายตายาวตามอายุ ส่งผลให้การมองระยะใกล้ๆ เช่นขณะเล่นมือถือดูทีวีอ่านหนังสือพร่ามัวมากกว่าเดิมและจะมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆตามอายุที่มากขึ้น

บทความ : 8 วิธีดูแลรักษาสุขภาพดวงตา ไม่ให้เสื่อมก่อนวัย

ปวดตา

ซึ่งอาการสายตายาวตามอายุเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เรา ต้องเพ่งสายตา หยีตามากขึ้น หากไม่ใส่แว่นตา  เมื่อกล้ามเนื้อตาใช้งานมากขึ้นประกอบกับกล้ามเนื้อตามีกำลังเพ่งน้อยลงเนื่องจากการที่กำลังการเพ่งลดลงจากการเสื่อมของกล้ามเนื้อตาและเลนส์ตา

หากไม่ได้รับการแก้ไขค่าสายตา เช่น การตัดแว่น หรือ ทำเลสิค ตาก็จะพยายามเพ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดอาการ ปวดตา ปวดศีรษะตามมาได้

วิธีการป้องกันอาการ ปวดตา จากการมองใกล้เป็นระยะเวลานาน มีดังนี้

ปวดตา
  1. ใช้กฎ 20-20-20 เมื่อเรานั่งทำงานเป็นเวลา 20 นาที ให้เงยหน้ามองไปที่ไกล ๆ มากกว่า 20 ฟุต หรือ 6 เมตร เป็นเวลา 20 วินาที วิธีนี้จะเป็นการคลายการเพ่งและกล้ามเนื้อตา ไม่ให้กล้ามเนื้อเกิดการใช้งานหนักมากจนเกินไป
  2. พยายามกระพริบตาทุก ๆ 4 วินาที เพื่อให้น้ำตากวาดทั่วดวงตาให้ดวงตามีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาและปรับพัดลมหรือแอร์ไม่ให้เป่าเข้าหาใบหน้าโดยตรงเพื่อลดอาการตาแห้ง
  3. หยอดน้ำตาเทียมช่วย หากรู้สึกตาแห้ง แสบตามาก  ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบน้ำและแบบเจล
  4. ปรับแสงจากหน้าจอคอมให้ลดลง ไม่ให้แสงจ้าจนเกินไป เพื่อลดอาการแสบตาจากแสง และลดการเพ่งสู้แสงได้
  5. ใส่แว่นแก้ไขค่าสายตา ในกรณีมีค่าสายตาในระยะใกล้ เพื่อลดการเพ่งซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ปวดตาได้

สรุป

หากทุกท่านที่อ่านบทความนี้มีอาการ ปวดตา ตาล้า พร่ามัว ตามที่หมอเขียนไว้ในบทความ หมอขอแนะนำให้มาวัดสายตา เพื่อที่จะหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดตา ก่อนที่อาการจะหนักขึ้นเรื่อยๆค่ะ

หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามเข้ามาปรึกษา หรือวัดสายตากับคุณหมอนักทัศนมาตรได้ทุกสาขาเลยนะคะ MATTAYA VISION CENTER ยินดีต้อนรับค่ะ

อายุ 40 + อยากใส่แว่นแก้ปัญหาปวดตา 

อ่านเพิ่มเติม

เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens) คือ อะไร ?

อ่านเพิ่มเติม

Office lens เลนส์เฉพาะทาง คืออะไร?

อ่านเพิ่มเติม

เลนส์โปรเกรสซีฟ และ เลนส์เฉพาะทาง แตกต่างกันอย่างไร ?

อ่านเพิ่มเติม

เลือกแว่นตาอย่างไร ให้เหมาะกับสายตายาวในวัย 40+

สรุปคำถามที่พบบ่อย

ตอบ : ราคาเริ่มต้นเลนส์โปรเกรสซีฟ 8700 บาท ระดับราคาตามคุณสมบัติของเลนส์ดังนี้ค่ะ

เลนส์โปรเกรสซีฟ ราคา

คุณลูกค้าสามารถนัดเข้ามาปรึกษาทีมคุณหมอสายตาของเราได้ทั้ง 2 สาขา เพื่อทำการวัดสายตาอย่างละเอียด และทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟทุกรุ่นทุกยี่ห้อ เพื่อเปรียบเทียบการมองเห็นและการใช้งานที่เหมาะสมกับคุณลูกค้ามากที่สุดค่ะ

สามารถติดต่อได้ที่

Call Center 099-463-6365

Line @mattayaclinic 

เลนส์โปรเกรสซีฟ ราคา

ตอบ:

  • เลนส์มัลติโค้ค กันแสง UV 100% ราคาเริ่มต้น 2400 บาท
  • เลนส์กรองแสงคอมพิวเตอร์ เลนส์กรองแสงสีฟ้า ราคาเริ่มต้น 2700 บาท
  • เลนส์เปลี่ยนสี ราคาเริ่มต้น 5400 บาท
  • เลนส์เฉพาะทาง (office lens) ราคาเริ่มต้น 5900 บาท
  • ใช้เวลาตรวจสุขภาพ 15-20 นาที

  • ใช้เวลาตรวจวัดสายตา ตัดแว่น 1 ชม.

  • ใช้เวลารอรับแว่น ประมาณ 7-14 วัน

ตอบ: เพื่อความสะดวกสบายในการรับบริการและความเป็นส่วนตัวของคุณลูกค้า และเพื่อให้คุณหมอได้ดูแลคุณลูกค้าอย่างเต็มที่ จึงอยากแนะนำนัดคิววัดสายตากับเราล่วงหน้าค่ะสามารถนัดคิวได้ทั้ง 2 สาขาที่ Call Center : 099-463-6365Line @mattayaclinic 

ตอบ:  

  • การตรวจสุขภาพตา  ทำโดยจักษุแพทย์ หรือหมอตาค่ะ
  • การตรวจวัดสายตา ตัดแว่น ทำโดยนักทัศนมาตร หรือหมอสายตา ซึ่งดูแลทุกขั้นตอนไปจนถึงการเลือกกรอบแว่นตา เลือกเลนส์ และวัดค่าพารามิเตอร์หน้าแว่นค่ะ

ตอบ: เราให้บริการตัดแว่นสายตาทุกชนิดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแว่นสายตาสั้น แว่นสายตายาว แว่นอ่านหนังสือ เลนส์สองชั้น เลนส์เฉพาะทาง office lens แว่นกันแดด แว่นกันแสงคอม แว่นเปลี่ยนสี เลนส์ออโต้ เลนส์ปรับแสง รวมทั้งแว่นตาโปรเกรสซีฟ ซึ่งเป็นแว่นสายตาที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการตัด เพื่อให้คุณลูกค้าใช้งานได้ดีที่สุดค่ะ

ตอบ: เลนส์โปรเกรสซีฟที่ดีที่สุด คือ เลนส์ที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกระยะการมองเห็น มีภาพรบกวนน้อยที่สุด และ ไม่ทำให้ผู้ใช้งานเกิดความรำคาญใจในการมอง เป็นตัวช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานให้ราบรื่น ดังนั้นเลนส์โปรเกรสซีฟแต่ละยี่ห้อจึงออกแบบโครงสร้างที่ตอบโจทย์ lifestyle ของลูกค้าที่แตกต่างกัน เลนส์โปรเกรสซีฟที่ดีที่สุดของคุณ อาจเป็นคนละยี่ห้อ คนละรุ่นกับของเพื่อนก็ได้ค่ะ เพราะความแตกต่างของแต่ละบุคคล จึงเกิดตัวเลือกของเลนส์โปรเกรสซีฟมากมาย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อคุณลูกค้าที่สามารถเลือก เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจตัดได้ค่ะ

ตอบ: สามารถนำกรอบแว่นเดิมมาเปลี่ยนเลนส์ใหม่ได้เลยค่ะ คุณหมอสายตาจะช่วยพิจารณาเรื่อง fitting และความเหมาะสมให้ค่ะ

ตอบ:  ไม่ต่างกันค่ะ

  • เราให้บริการตรวจวัดสายตา ตัดแว่นโดยทีมคุณหมอสายตา (นักทัศนมาตร) ซึ่งได้รับการคัดเลือกและอบรมโดยคุณหมอมัทยาจักษุแพทย์ ทั้ง 2 สาขาค่ะ
  • เครื่องมือในการตรวจวัดสายตาครบครัน และมาตรฐานเดียวกัน
  • มีกรอบแว่นให้เลือกมากมายเช่นเดียวกัน
  • ราคาขาย และส่วนลดเหมือนกันค่ะ

คุณลูกค้าสามารถเลือกสาขาที่สะดวกได้เลยค่ะ โดยเราเปิดให้บริการ 2 สาขา ดังนี้ค่ะ l. สาขารพ.พญาไท 1 (BE MY GLASSES) ll. สาขา The crystal park เลียบทางด่วนรามอินทรา (MATTAYA CLINIC)